วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

บ้านไทย แบบบ้านชั้นเดียว Granholmen

บ้านไทย แบบบ้านชั้นเดียว Granholmen Cottage บ้านชั้นเดียวยกสูง กลับมาพบกลับแบบบ้านชั้นเดียว  แบบบ้านสวยๆที่มานำมาเสนอ บ้านไทยสำหรับผู้สนใจจะสร้างบ้าน ขนาดไม่ใหญ่งบประมาณไม่เยอะ บ้านไทยที่ใช้ทุกพื้นที่ว่างอย่างคุ่มค่าที่สุด อย่างที่ว่างใต้หลังคาก็จัดทำเป็นชั้นลอย ได้ห้องนอน1ห้อง แต่กลางวันก็อาจจะร้อนหน่อย แบบบ้านโมเดิร์นชั้นเดียวยกพื้นมีพื้นที่เพียง 40ตารางเมตร บ้านชั้นเดียวยกสูงภายในประกอบด้วย 1ห้องนอน 1ห้องน้ำ บ้านไทยเป็นผลงานการออกแบบของ Bornstein Lyckefors, Josefine Wikholm บ้านไทยตั้งอยู่สแกนดิเนเวียทางตอนเหนือของทวีปยุโรปประเทศสวีเดน.

***ชอบแบบบ้านชั้นครึ่ง                คลิก    >>>บ้านชั้นครึ่ง<<<

***ชอบแบบบ้านน่าอยู่                  คลิก    >>>บ้านน่าอยู่<<<

***ชอบแบบบ้านชั้นเดียวยกสูง     คลิก    >>>บ้านชั้นเดียวยกสูง<<<

บ้านชั้นเดียวยกสูงบ้านชั้นเดียวยกสูงบ้านชั้นเดียวยกสูงบ้านชั้นเดียวยกสูงบ้านชั้นเดียวยกสูง

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

บ้านไทย บ้านน่าอยู่ Kovacs

บ้านไทย  บ้านน่าอยู่ Kovacs House แบบบ้านสวยๆอันเป็นที่อยู่ของผู้สูงวัย และไม่สูงวัย  บ้านไทย บ้านสวยสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ แบบบ้านสองชั้นมีขนาดพื้นที่ใช้สร้อย 240ตารางเมตร บ้านไทย ภายในประกอบด้วยฟังก์ชั่น 3ห้องนอน 3ห้องน้ำ บ้านไทย แบบบ้านโมเดิร์นภายใต้การออกแบบของ Base Urbana, Pessoa Arquitetos ในประเทศ บราซิล.


บ้านไทย ชั้นเดียว ยกพื้นสูง

บ้านไทย แบบบ้านชั้นเดียว ยกพื้นสูงสไตล์โมเดิร์น Home Uribe เป็นแบบบ้านโมเดิร์นยกพื้นสูง สไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ยกพื้นสูงกลางท้องทุ่งหญ้า ที่ว่างเปล่าอันเป็นสถานที่ตั้ง ของแบบบ้านชั้นเดียวหลังนี้ บ้านไทยในชานเมืองชนบท ของBuenosAires ประเทศArgentina. เมื่อได้เห็นบ้านหลังนี้ บ้านไทยมีความรู้สึกเหมื่อนกับบ้านไทย สมัยก่อนที่นิยมยกพื้นสูง เพื่อหนี้น้ำและอันตราย จะแตกต่างกันก็แค่สไตล์ รูปทรงเท่านั้น บ้านไทยหลังนี้น่าจะเหมาะกับประเทศไทยในพื้นที่ลุ่ม แบบบ้านสวยๆอาจจะปรับเปลี่ยนตัวหลังคา บ้านไทยให้เขากับสภาพอากาศของประเทศไทย. 

 





วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2563

ศาสตร์ต่างๆในวิชา ฮวงจุ้ย


ศาสตร์ต่างๆในวิชา ฮวงจุ้ย


    ศาสตร์ ฮวงจุ้ย โดยหลักใหญ่ๆแล้ว วิชาฮวงจุ้ยสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ฮวงจุ้ยบนดิน (หยาง) คือฮวงจุ้ยที่แบบบ้านของคนที่ยังมีชีวิต และฮวงจุ้ยใต้ดิน (หยิน) คือสุสาน ผู้เรียนรู้ฮวงจุ้ยของจีนจะต้องเรียนทั้งสองส่วน เนื่องจากความเชื่อของคนจีนที่เชื่อว่า สุสานของบรรพบุรุษจะเป็นตัวกำหนดแนวทางในการดำเนินชีวิตให้แก่ลูกหลาน หากทำฮวงจุ้ยบรรพบุรุษไว้ดี อยู่ในบ้านสวยที่ดี และจัดวางได้อย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลโชคลาภและความเจริญให้แก่ลูกหลานด้วย ในปัจจุบันหากเรานั่งรถผ่านบริเวณภูเขาที่มีชัยภูมิดีถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ก็จะมองเห็นสุสานบรรพบุรุษของชาวไทยเชื้อสายจีนตั้งอยู่ติดกันเป็นกลุ่ม และลูกหลานก็จะมาแสดงความเคารพ โดยการตั้งของไหว้เมื่อถึงวันเช็งเม้ง (ประมาณต้นเดือนเมษายน-เดือนสามของจีน) เพื่อความเป็นสิริมงคล และแสดงความกตัญญู

     เนื่องจากเป็นวิชาเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 3,000 ปี และได้รับการพัฒนาเพื่อใช้งานในประมาณ 1 พันปีที่ผ่านมา (อำนวยชัย ปฏิพัทธ์เผ่าพงศ์, 2544: 27) วิชา ฮวงจุ้ยจึงได้แตกแขนงออกเป็นสำนักต่างๆมากมาย โดยแต่ละสำนักก็ได้มีการสอนที่เน้นเฉพาะเรื่องแตกต่างกันไป บางครั้งก็มีความเชื่อที่ต่างกัน มีรูปแบบของวิชาการที่แตกต่างกัน บางสำนักจะเน้นในเรื่องชัยภูมิและรูปลักษณ์เป็นสำคัญ บางสำนักจะเน้นในเรื่องทิศทาง ในขณะที่บางสำนักก็จะเป็นเรื่องดวงชะตาเป็นหลัก โดยสรุปแล้วจะสามารถแบ่งออกเป็นวิชาต่างๆได้ดังนี้

1. วิชาชัยภูมิ รูปร่าง แบบบ้านสวยๆ การเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบรูปร่าง รูปทรงต่างๆ
2. วิชาดวงจีนและธาตุ ผูกดวงจีนเพื่อหาธาตุสำคัญ และแก้ไขฮวงจุ้ยตามธาตุสำคัญ
3. วิชา 8 ทิศ 8 ปฏิกิริยา จัดห้องหรือแบบบ้านชั้นเดียวให้เหมาะสมตามรหัสบุคคล
4. วิชาดาว 9 ยุค การหาทิศทางของโชคลาภ บารมีตามองศาแบบบ้านโมเดิร์นในแต่ละยุคของจีน
5. วิชาฤกษ์ยามและพิธีกรรม ใช้หาวันเวลาทำพิธีการให้เกิดผลที่ดีต่อเจ้าของงาน

 

   






 

 

หลักความเชื่อเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ย และดวงชะตา

ฮวงจุ้ยและดวงชะตา


หลักความเชื่อเกี่ยวกับ"ฮวงจุ้ย"และดวงชะตา ชาวจีนมีความเชื่อเรื่องดวงชะตาว่าชีวิตของมนุษย์นั้นจะดีหรือร้ายเพียงใดขึ้นกับดวงชะตา ซึ่งสามารถแบ่งดวงชะตาออกได้เป็น 3 ส่วน คือชะตาแห่งฟ้าลิขิต ชะตาแห่งคนลิขิต และชะตาแห่งฮวงจุ้ย
1. ชะตาฟ้า (เทียน) หมายถึงบุญวาสนาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทรัพย์สมบัติ ฐานะของพ่อแม่ การได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอน รวมไปถึงโชคหรือเคราะห์ต่างๆที่แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เป็นกรรมที่ได้รับผลมาจากชาติปางก่อนแบบบ้านชั้นเดียว
2. ชะตาคน (นั้ง) หรือชะตากรรม หมายถึงการกระทำ กรรมที่เราสร้างขึ้นในชาตินี้ ทำกรรมดี ขยันทำงาน อดทนตั้งใจศึกษาเล่าเรียนย่อมได้รับผลกรรมที่ดี หากทำชั่ว ลักขโมย ขายยาเสพติด ฉ้อโกงทรัพย์ก็อาจจะได้รับผลดีในระยะสั้น คือมีเงินทองจากการทำชั่วฉกชิงเขา แต่ในระยะยาวก็ย่อมจะต้องได้รับผลกรรมจากความชั่วที่ได้ทำเอาไว้ ชะตาในประเภทนี้จึงเป็นชะตาที่กำหนดได้โดยตัวคนนั้นๆเอง เลือกได้ว่าจะทำสิ่งใด หรือจะไม่ทำสิ่งใดแบบบ้านโมเดิร์น
3. ชะตาดิน (ตี่) หมายถึงสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเรา หรือฮวงจุ้ยนั่นเอง เป็นสิ่งที่จะสามารถส่งเสริมให้ชีวิตเราดีขึ้น ทำให้ความขยันทำมาหากินได้รับผลเร็วมากขึ้น หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมก็อาจจะเป็นตัวถ่วงหรือทำลาย ทำให้ความเพียรพยายามทำกรรมดีไม่เกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น ยกตัวอย่าง เช่น เปิดร้านขายข้าวราดแกง แต่ทำเลที่ตั้งไม่ดี ลูกค้าจอดรถลำบาก หรืออยู่ในที่ๆคนไม่ค่อยมาก ถึงเราขยันแค่ไหนก็สู้ร้านอื่นๆที่เขามีทำเลดีกว่าไม่ได้ ยิ่งขยันทำของขายจำนวนมากก็อาจจะยิ่งขาดทุนมากขึ้นเพราะไม่มีคนซื้อ เป็นต้นแบบบ้านสวยๆ
     ชะตาทั้งสามนี้คนจีนเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ในสัดส่วนเท่าๆกันคืออย่างละ 1 ใน 3 ส่วน นั่นหมายความว่า โชคชะตาที่เราไม่สามารถกำหนดเองได้นั้นมีเพียงฟ้าลิขิตเท่านั้นเอง กล่าวคือ เกิดมาจน รวย มีฐานะชาติตระกูลที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเลือกที่เกิดได้ แต่สามารถเลือกที่จะเลือกกำหนดการกระทำของตนเองได้ อันนี้คือชะตาแห่งคนลิขิต คนที่มีความขยันหมั่นเพียร แม้จะเกิดมาฐานะไม่ดีแต่สู้อดออมก็สามารถประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองได้ ในทางกลับกัน คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่มีนิสัยเกียจคร้าน ไม่มีคุณธรรม ก็เป็นที่ครหานินทา และชีวิตก็ตกต่ำลงได้เช่นเดียวกัน
    ส่วนชะตาแห่งดิน หรือฮวงจุ้ยนั้น หมายถึงหากเรามีฮวงจุ้ยที่ดี คือจัดสภาพที่อยู่อาศัย ที่ทำงานไว้อย่างดีและเหมาะสม ก็จะช่วยให้ชีวิตมีพลังขับดันไปในทางที่ดี แม้จะเป็นช่วงที่ตกอับ ดวงตก ก็ยังไม่เลวร้ายเกินไปนัก ซึ่งในทางตรงข้ามหากฮวงจุ้ยของแบบบ้าน ที่ทำงานเราไม่ดี ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาอุปสรรค ความเจ็บไข้ หรือเคราะห์ร้าย ขยันทำกิจการก็ยังขาดทุน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะที่ตั้งร้านค้าเราไม่เหมาะสม ไม่ส่งเสริมให้คนเข้าร้าน ยิ่งถ้าช่วงไหนดวงตกเข้าไปอีกแทบจะได้ขายร้านทิ้งกันเลยทีเดียว
ฮวงจุ้ย ที่ดีนั้นจะสามารถส่งเสริมให้ชีวิตเป็นไปในทางที่ดี เนื่องจากเป็นสภาพแวดล้อมของสถานที่ที่เราอยู่ หรือที่ทำงาน ตามหลักจิตวิทยาหากสภาพแวดล้อมดีก็ทำให้ทำงานได้สะดวกสบาย จิตใจสดชื่นมีกำลังใจสามารถที่จะต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคได้ง่ายกว่าคนที่จิตใจฝ่อเหี่ยว ไม่มีกำลังใจนั่นเอง 

 

 

 

 

ความหมายของ ฮวงจุ้ย

ฮวงจุ้ย
ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ฮวงจุ้ย”การจัดและแก้ไขที่อยู่อาศัยให้ถูกโฉลกกับเจ้าของให้มีความร่ำรวยเจริญรุ่งเรือง หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้หมดไป และส่วนมากแล้วผู้รู้เรื่องฮวงจุ้ยจะถูกเรียกว่าเป็น “ซินแส” ซึ่งหลายคนอาจจะนึกถึงว่า เป็นพวกหมอดู หรือหมอผีไม่ใช่คนปกติธรรมดา หรืออาจจะถูกมองไปถึงขั้นผู้วิเศษเรียกลมเรียกฝนได้เลยทีเดียว ความจริงแล้วตามรากศัพท์ของคำว่าฮวงจุ้ยนี้ก็น่าจะทำให้เราคิดไปได้เช่นนั้น เนื่องจากคำว่า “ฮวง” (Feng) ในภาษาจีนนั้น หมายถึง ลม และคำว่า “จุ้ย” (Shui) นั้นก็หมายถึง น้ำ รวมๆความแล้วฮวงจุ้ยแปลตรงตัวก็จะแปลได้ว่า ลมและน้ำ อันหมายถึงสิ่งที่มีความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปรไปได้ มีพลังงานที่จะก่อให้เกิดอิทธิพลต่อสิ่งต่างๆในโลกนี้ ลมและน้ำ มีสภาพที่เหมือนและแตกต่างกัน คือ ลมมีสภาพที่จับต้องไม่ได้ แต่เคลื่อนไหวได้ ในขณะที่น้ำก็เป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวได้เช่นกัน แต่สามารถจับต้องได้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองคำว่าฮวงจุ้ยจึงมีความหมายไปถึงสิ่งที่เคลื่อนไหวหรือสงบนิ่งที่ทำให้เกิดพลังงานที่มีผล มีอิทธิพลต่อมนุษย์ สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ซึ่งอาจจะแปลให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกนิดว่าลมและน้ำนั้นหมายความถึง “พลังงานของธรรมชาติและสภาพแวดล้อม” นั่นเอง และในความหมายจริงๆของวิชาฮวงจุ้ย 风水นั้นก็จะหมายถึง ศาสตร์แห่งการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลกับธรรมชาติและแบบบ้าน ความหมายของ Webster dictionary ที่แปลได้ความว่าฮวงจุ้ยคือ ระบบความเชื่อของจีนเกี่ยวกับจิตวิญญาณของสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีทั้งด้านดีและร้ายที่มีอิทธิพลต่อบ้าน ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อผู้อยู่อาศัย อันหมายถึงอิทธิพลทั้งในด้านที่จะส่งเสริมให้ดีขึ้น คือมีโชคลาภ บารมี ความเจริญก้าวหน้า ความสุขสงบในชีวิต และในทางกลับกันฮวงจุ้ยที่ไม่ดีก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้อยู่อาศัยได้เช่นกัน เช่น อาจจะทำให้เกิดโชคร้าย อุบัติหตุ โรคภัย และความสูญเสียในรูปแบบต่างๆ โดยความหมายของสิ่งแวดล้อมจะหมายความรวมทั้งสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ในประเทศจีนสมัยโบราณ ศาสตร์ฮวงจุ้ยนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ใช้สำหรับกษัตริย์ ราชวงศ์ หรือชนชั้นสูงเท่านั้น พระราชวังของกษัตริย์จะเลือกพื้นที่ตั้ง และออกแบบก่อสร้างตามหลักของศาสตร์นี้ นอกจากนี้ยังใช้ในการเลือกชัยภูมิแบบบ้านสวยๆของเมือง การวางผังเมือง หรือแม้กระทั่งในการรบก็จะต้องวางพื้นที่ให้ถูกต้องตามหลักพิชัยสงครามสำหรับการสงคราม ทั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และสามารถเอาชนะข้าศึกในการรบได้
หลักความเชื่อเกี่ยวกับฮวงจุ้ยและดวงชะตา ชาวจีนมีความเชื่อเรื่องดวงชะตาว่าชีวิตของมนุษย์นั้นจะดีหรือร้ายเพียงใดขึ้นกับดวงชะตา ซึ่งสามารถแบ่งดวงชะตาออกได้เป็น 3 ส่วน คือชะตาแห่งฟ้าลิขิตชะตาแห่งคนลิขิตและชะตาแห่งฮวงจุ้ย
1. ชะตาฟ้า (เทียน) หมายถึงบุญวาสนาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทรัพย์สมบัติ ฐานะของพ่อแม่ การได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอน รวมไปถึงโชคหรือเคราะห์ต่างๆที่แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เป็นกรรมที่ได้รับผลมาจากชาติปางก่อน
2. ชะตาคน (นั้ง) หรือชะตากรรม หมายถึงการกระทำ กรรมที่เราสร้างขึ้นในชาตินี้ ทำกรรมดี ขยันทำงาน อดทนตั้งใจศึกษาเล่าเรียนย่อมได้รับผลกรรมที่ดี หากทำชั่ว ลักขโมย ขายยาเสพติด ฉ้อโกงทรัพย์ก็อาจจะได้รับผลดีในระยะสั้น คือมีเงินทองจากการทำชั่วฉกชิงเขา แต่ในระยะยาวก็ย่อมจะต้องได้รับผลกรรมจากความชั่วที่ได้ทำเอาไว้ ชะตาในประเภทนี้จึงเป็นชะตาที่กำหนดได้โดยตัวคนนั้นๆเอง เลือกได้ว่าจะทำสิ่งใด หรือจะไม่ทำสิ่งใด
3.ชะตาดิน(ตี่)หมายถึงแบบบ้านชั้นเดียวๆตัวเรา หรือ ฮวงจุ้ย นั่นเองเป็นสิ่งที่จะสามารถส่งเสริมให้ชีวิตเราดีขึ้นทำให้ความขยันทำมาหากินได้รับผลเร็วมากขึ้น หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมก็อาจจะเป็นตัวถ่วง หรือทำลายทำให้ความเพียรพยายามทำกรรมดีไม่เกิดผลอย่างที่ควรจะเป็นยก ตัวอย่าง เช่นเปิดร้านขายข้าวราดแกงแต่ทำเลที่ตั้งไม่ดี ลูกค้าจอดรถลำบาก หรืออยู่ในที่ๆคนไม่ค่อยมาก ถึงเราขยันแค่ไหนก็สู้ร้านอื่น ๆ ที่เขามีทำเลดีกว่าไม่ได้ ยิ่งขยันทำของขายจำนวนมาก ก็อาจจะยิ่งขาดทุนมากขึ้น เพราะไม่มีคนซื้อเป็นต้น
ชะตาทั้งสามนี้คนจีนเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ในสัดส่วนเท่าๆกันคืออย่างละ 1 ใน3 ส่วนนั่นหมายความว่าโชคชะตาที่เราไม่สามารถกำหนดเองได้ นั้นมีเพียงฟ้าลิขิตเท่านั้นเองกล่าวคือ เกิดมาจนรวยมีฐานะชาติตระกูลที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเลือกที่เกิดได้ แต่สามารถเลือก ที่จะเลือกกำหนดการกระทำของตนเองได้ อันนี้คือชะตาแห่งคนลิขิตคนที่มีความขยันหมั่นเพีย รแม้จะเกิดมาฐานะไม่ดีแต่สู้อดออมก็สามารถประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองได้ในทางกลับกัน คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีนิสัยเกียจคร้านไม่มีบ้าน ก็เป็นที่ครหานินทา และชีวิตก็ตกต่ำลงได้ เช่นเดียวกันส่วนชะตาแห่งดิน หรือฮวงจุ้ย นั้นหมายถึงหากเรามี ฮวงจุ้ยที่ดี คือจัดสภาพที่อยู่อาศัยที่ทำงานไว้อย่างดี และเหมาะสมก็จะช่วยให้ชีวิตมีพลังขับดันไปในทางที่ดี แม้จะเป็นช่วงที่ตกอับ ดวงตกก็ยังไม่เลวร้ายเกินไปนัก ซึ่งในทางตรงข้ามหากฮวงจุ้ยของบ้าน ที่ทำงานเราไม่ดี ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาอุปสรรค ความเจ็บไข้ หรือเคราะห์ร้ายขยันทำกิจการ ก็ยังขาดทุนซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ ที่ตั้งร้านค้าเราไม่เหมาะสม ไม่ส่งเสริมให้คนเข้าร้าน ยิ่งถ้าช่วงไหนดวงตกเข้าไปอีก แทบจะได้ขายร้านทิ้งกันเลยทีเดียว ฮวงจุ้ยที่ดีนั้นจะสามารถส่งเสริมให้ชีวิต เป็นไปในทางที่ดี เนื่องจากเป็นสภาพแวดล้อมของสถานที่ ที่เราอยู่ หรือที่ทำงาน ตามหลักจิตวิทยา หากสภาพแวดล้อมดี ก็ทำให้ทำงานได้สะดวกสบาย จิตใจสดชื่นมีกำลังใจ สามารถที่จะต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคได้ง่าย กว่าคนที่จิตใจฝ่อเหี่ยว ไม่มีกำลังใจนั่นเอง
หลักแห่งความสมดุล ชีวิตมนุษย์ในทรรศนะของชาวจีนที่นับถือเต๋า(วิถีแห่งธรรมชาติ)นั้นจะมีความสุขสมบูรณ์ได้แค่ไหนจะขึ้นอยู่กับความสมดุลของพลังชีวิต(ชี่)ของคนๆนั้นกับพลังปราณของสภาพแวดล้อมซึ่งพลังปราณจะเกิดได้จากทั้งมนุษย์ด้วยกันเองเกิดจากแบบบ้านโมเดิร์น สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และจากธรรมชาติชาวจีน เชื่อว่าสิ่งต่างๆย่อมมีพลังชีวิต หรือพลังปราณอยู่ในตัวสามารถเป็นได้ทั้งพลังที่สงบ และเคลื่อนไหวมีอิทธิพลต่อสิ่งอื่น ๆ เช่นชี่ของภูเขาซึ่งสงบนิ่งโอบอุ้มปกป้องภัย,ชี่ของรางรถไฟซึ่งนำกระแสเคลื่อนไหวรุนแรง และเป็นเส้นยาวเป็นต้นเหล่านี้ จะมีอิทธิพลต่อกัน และกันและมีสมดุลต่อกันอยู่คล้ายระบบนิเวศในวิทยาศาสตร์ แต่มีความหมายกว้างกว่า เพราะนอกจากจะหมายถึง กายภาพ และชีวภาพแล้ว ยังหมายรวมไปถึง จิตวิญญาณที่จับต้อง และชั่งตวง วัดไม่ได้อีกด้วยพลังชี่นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2อย่างเรียกว่าพลังหยางและพลังหยินซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันตรงกันข้ามกัน และสอดคล้องสมดุลกันอยู่ในที
1. พลังหยาง หรือ เอี๊ยง หมายถึง สิ่งที่มีสภาพเคลื่อนไหวไม่อยู่นิ่ง มีความเร็วความคล่องตัวสูงสีขาวความสว่าง และพลังงานเปรียบได้กับประจุไฟฟ้าขั้วบวก
2.พลังหยิน หรือ อิม,อินหมายถึง สิ่งที่มีสภาวะสงบนิ่งความมืดทึบชื้นเย็นสีดำ เปรียบได้กับประจุไฟฟ้าขั้วลบ ทั้งสองสิ่งนั้นเป็นของที่อยู่คู่กัน และตรงกันข้ามเหมือนแสง และเงาคือจะเกิดเงาไม่ได้หากไม่มีแสง และเมื่อมีแสงก็ย่อมจะต้องเกิดเงามืดเป็นสภาวะคู่ที่มาพร้อมๆ กันอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลหากเราจะสังเกตจากสัญลักษณ์ของ  หยิน-หยาง ซึ่งเป็นวงกลมดำขาว แล้วเราก็จะพบว่าเป็นปรัชญา การร่วมกันของสิ่งตรงข้ามกัน คือในส่วนที่เป็นสีดำคือหยินก็มีสีขาว คือหยางปรากฏอยู่และในส่วนที่เป็นหยางก็มีหยินอยู่ข้างในเช่นเดียวกันสัญลักษณ์ที่ หยิน-หยาง กอดรวมกันเป็นวงกลมก็หมายถึง สิ่งที่จำเป็นต้องมีคู่กันประกอบรวมกันจึงจะเกิดความสมดุล

ฮวงจุ้ย

การจัด ฮวงจุ้ย
ฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์แห่งความเชื่อ ในพลังของธรรมชาติ ความหมายของคำว่า ฮวง นั้นมีความหมายตรงตัวว่า ลม หมายถึงอากาศที่ล้อมรอบตัวเราอยู่ หรืออากาศที่เราหายใจ เป็นการเคลื่อนไหว เป็นตัวกลางของการดำรงชีวิต ส่วนคำว่า จุ้ย นั้นในความหมายตรงตัวแปลว่า น้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของความสดชื่นมีชีวิตชีวา ความกระชุ่มกระชวย เหมือนเราเห็นหน้าใครสักคน ที่ดูแจ่มใสกระปรี้กระเปร่า แล้วเราก็พลอยแจ่มใสไปด้วย น้ำเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต ไม่ว่าในส่วนของร่างกาย ก็มีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ แม้ในส่วนของการบริโภคเอง น้ำก็เป็นปัจจัยอันสำคัญ อันจะขาดเสียมิได้ และแน่นอนต้องเป็น
การจัด ฮวงจุ้ย

น้ำ ที่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน ด้วยน้ำในอีกสัญลักษณ์หนึ่ง ของคนจีนก็คือเงิน หรือการนำมาซึ่งเงินอันเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงอยู่ เป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา เพื่อการดำรงอยู่ ดังนั้นถ้าหากน้ำในส่วนที่แวดล้อมของเราสกปรก เน่าเหม็น หรือขุ่นมัว เช่น น้ำในบ่อเลี้ยงปลา น้ำในสระหน้าแบบบ้านสวยๆ เป็นต้น นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า
การเงิน ของเราเริ่มติดขัดแล้ว เงินที่ได้มาจะเต็มไปด้วย ความยากลำบาก เกิดอุปสรรคขัดขวาง และในบางครั้งยังอาจได้มาด้วยความไม่โปร่งใสนัก อันจะเป็นตัวนำให้เกิดผลร้ายติดตามมา เช่นคดีความการถูกฟ้องร้อง เป็นต้น สิ่งหนึ่งซึ่งเราเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กๆ ก็คือลม และน้ำเคลื่อนไหวได้ ก็เพราะแรงดึงดูดของโลก อันเป็นปรากฏการณ์ทางบ้าน แต่ก็ควรอยู่ในขอบเขตอันจำกัด ที่พอดีอะไรที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปย่อมมีผลเสียติดตามมาอย่างแน่นอนเพราะถ้าลม และน้ำมากเกินไป ก็อาจจะนำความเสียหายมาสู่มวลมนุษย์ได้ เช่นอุทกภัยหรือวาตภัยอันเป็นภัยที่เกินความพอดีของธรรมชาติและนอกเหนือกฏเกณฑ์ที่มนุษย์จะควบคุมได้ในแง่ปรัชญาของศาสตร์
ฮวงจุ้ย ถือกำเนิดมาจากคัมภีร์ อี้จิง ซึ่งหมายถึง การเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาสมดุลย์ของแบบบ้านเอาไว้ และถือว่าความสมดุลย์จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีของสองสิ่งมาอยู่ร่วมกัน ในลักษณะตรงกันข้ามชีวิต หรือโลกจึงจะดำรงอยู่ได้ และเมื่อมีสองสิ่งมาอยู่ร่วมกันแล้ว ชีวิตจึงจะก่อเกิดได้ คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง นี้มาจากคำว่า อี้จิง โดยใช้สัญลักษณ์ ของความสมดุลนั่นคือ ปลาดำและปลาขาวเป็นตัวแทนเช่นมีมืดก็ต้องมีสว่างมีดำก็ต้องมีขาวมีชายก็ต้องมีหญิงมีพระอาทิตย์ก็ต้องมีพระจันทร์ มีร้อนก็ต้องมีเย็นเป็นการอาศัยสิ่งที่ตรงกันข้ามมาร่วมอยู่ด้วยกันเพื่อรักษาสมดุลซึ่งกันและกันเอาไว้โดยใช้สัญลักษณ์ที่เป็นเส้นทึบแทนเพศชายหรือหยางส่วนเส้นประ แทนหยินเรียกว่าเอกลักษณ์และเมื่อนำเส้นทั้งสองมารวมกันเรียกว่าทวิลักษณ์เมื่อรวมเส้นทั้งสามก็จะกลายเป็นตรีลักษณ์ดังที่เราเห็นในภาพของยันต์แปดทิศนั่นเองเมื่อวางสลับเส้นกันไปมาจะได้ถึง64เส้นทั้งสามเส้นของแต่ละชุดจะมีคำทำนายของคัมภีร์อี้จิงนี้ไว้ด้วยคล้ายๆการเสี่ยงเซียมซีทั่วๆไปแต่จำนวนมากกว่าการนำสัญลักษณ์ของทิศทั้งแปดมาวางบนกระจก8เหลี่ยมโดยมีรูปปลาขาวและปลาดำอยู่ตรงกลางถือเป็นยันตร์อันศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อนำไปติดแล้วเชื่อกันว่าจะสามารถคุ้มครองป้องกันอุบัติเหตุเภทภัยให้กับตนเองและครอบครัวได้แต่การติดต้องทำ
ฮวงจุ้ย พิธีให้ถูกต้องจึงจะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเรามักเห็นอยู่เสมอที่หน้าแบบบ้านชั้นเดียว คนจีนที่อยู่หัวมุม หรือตรงกับทางสามแพร่งนัยว่าช่วยสลายพลังร้ายที่เชื่อกันว่ามีอยู่ หรือแอบแฝงอยู่ณบริเวณนั้นให้หมดสิ้นไปได้ เรื่องของ ฮวงจุ้ยที่เรานำมาใช้กันในยุคปัจจุบัน ก็คือการดึงเอาพลังที่ดีของธรรมชาติม าใช้ไม่ใช่เพียงเรื่องของลมกับน้ำที่เรากล่าวมาข้างต้นเท่านั้น เรายังนำมาใช้กับการเสาะแสวงชัยภูมิ หรือพื้นที่ที่จะเหมาะแก่การปลูกแบบบ้านโมเดิร์นอยู่อาศัย อันเป็นปัจจัยแรกที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างครอบครัว หรือแหล่งพักพิงที่สามารถให้ความอบอุ่น และร่มเย็นเป็นสุขให้กับทุกชีวิตที่อยู่ชายคาเดียวกันด้วย

CR:novabizz